สรุปผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ครั้งที่ 7 ประจำฤดูกาล 2568/69

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม ครั้งที่ 7 ประจำฤดูกาล 2568/69 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน

พิจารณาเรื่องร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน

1. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 27 กันยายน 2568 คู่ระหว่างสโมสรระยอง เอฟซี พบ สโมสรอุทัยธานี เอฟซี (สโมสรอุทัยธานี เอฟซี ร้องเรียนมา 1 เหตุการณ์) 

- เหตุการณ์
ในนาทีที่ 10 หลังจากที่ผู้เล่นหมายเลข 10 นายเบนจามิน เจมส์ เดวิส สโมสรอุทัยธานี เอฟซี  ส่งบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ได้ถูกผู้เล่นหมายเลข 90 นายพีรพัฒน์ ขมิ้นทอง สโมสรระยอง เอฟซี เข้ามาสไลด์เสียบสกัดจนล้มลง ผู้ตัดสินทำการเป่าฟาลว์และคาดโทษ (ใบเหลือง) โดยที่ VAR ไม่ได้มีการเรียกผู้ตัดสินออกมาทำการตรวจสอบ ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า ผู้เล่นหมายเลข 90 นายพีรพัฒน์ ขมิ้นทอง สโมสรระยอง เอฟซี กระโดดเหยียดขาซ้ายเสียบเข้าใส่เหนือบริเวณข้อเท้าด้านในของเท้าขวา เป็นการเล่นที่ใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุ (Using excessive force) ควรต้องถูกลงโทษด้วยการไล่ออก (ใบแดง) 

- ผลพิจารณาโทษ
1) ลงโทษนายศรายุทธ จักรเงิน ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์  เนื่องจากผู้เล่นหมายเลข 90 นายพีรพัฒน์ ขมิ้นทอง สโมสรระยอง เอฟซี เปิดหน้าเท้าเหยียบใส่ผู้เล่นหมายเลข 10 นายเบนจามิน เจมส์ เดวิส สโมสรอุทัยธานี เอฟซี ที่บริเวณใต้น่องเหนือข้อเท้าอย่างรุนแรง จนได้รับบาดเจ็บ กระทำดังกล่าวเข้าลักษณะการเล่นผิดกติกาอย่างร้ายแรง (Serious Foul Play) ซึ่งควรได้รับโทษไล่ออก (ใบแดง) การที่ผู้ตัดสินคาดโทษ (ใบเหลือง) ถือว่าตัดสินไม่ถูกต้อง 

2) ลงโทษนายกชภูมิ มีศรีเดชา ผู้ตัดสินวีดิทัศน์ (VAR) ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นกรณีใบแดง โดยในการตรวจสอบภาพเหตุการณ์จากกล้อง VAR ไม่ได้พิจารณามุมกล้องที่มีความครอบคลุมและชัดเจนเพียงพอ แต่กลับเลือกใช้มุมกล้องที่ไม่สามารถสะท้อนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ได้อย่างครบถ้วน และยืนยันความเห็นสอดคล้องกับผู้ตัดสินในสนาม (Silent Check) โดยไม่ได้แนะนำให้ผู้ตัดสินทำการตรวจสอบเหตุการณ์ด้วยตนเองที่จอภาพข้างสนาม (On-Field Review)

3) ลงโทษผู้เล่นหมายเลข 90 นายพีรพัฒน์ ขมิ้นทอง สโมสรระยอง เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.19 ประกอบกับ ข้อ 1.1.2 (3) ใบแดง (Serious Foul Play) ถูกพักการแข่งขัน 1 นัด และปรับเงิน 10,000 บาท  

2. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 28 กันยายน 2568 คู่ระหว่างสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบ สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด (สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ร้องเรียนมา 1 เหตุการณ์) 

- เหตุการณ์ 
ในนาทีที่ 75 ผู้เล่นหมายเลข 23 Mr. DENNIS MURILLO SKRZYPIEC สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ล้มลงในเขตโทษ หลังจากถูกผู้รักษาประตูหมายเลข 1 Mr. ARMIN GREMSL สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด วิ่งออกมาล้มตัวเพื่อพยายามสกัดบอล ผู้ตัดสินทำการเป่าฟาวล์และให้จุดโทษ โดยที่ VAR ไม่ได้มีการเรียกผู้ตัดสินออกมาทำการตรวจสอบ ซึ่งทางสโมสรฯ มองว่า ผู้รักษาประตูสามารถปัดบอลออกและบอลเปลี่ยนทิศทางได้ชัดเจนก่อนการปะทะ ถือเป็นการแย่งบอลตามปกติของผู้รักษาประตูที่ถึงบอลก่อน จังหวะดังกล่าวจึงไม่ควรเป็นการฟาล์ว

- ผลพิจารณาโทษ
1) ลงโทษนายวีรพล เม่าแพ้ว ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 2 เดือน เนื่องจากผู้รักษาประตูหมายเลข 1 Mr. ARMIN GREMSL สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้พยายามวิ่งเข้าเล่นบอลตามปกติ โดยมีเจตนาใช้มือเพื่อคว้าบอล แต่เข้าถึงบอลช้ากว่าผู้เล่นหมายเลข 23 Mr. DENNIS MURILLO SKRZYPIEC สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ซึ่งเลี้ยงบอลเข้ามาและใช้เท้าเตะบอลออกด้านข้าง และลูกบอลได้สัมผัสกับมือของผู้รักษาประตูเล็กน้อย ในจังหวะต่อเนื่องผู้รักษาประตูเกิดการลื่นไถล ทำให้ไปปะทะกับผู้เล่น ซึ่งเป็นการปะทะตามธรรมชาติของการเล่นฟุตบอล (Football Understanding) เนื่องจากผู้เล่นทั้งสองฝ่ายต่างมีความพยายามเล่นบอล จึงไม่เป็นการฟาวล์ และไม่ควรเป็นลูกโทษ (Penalty Kick)

2) ลงโทษนายวิวรรธน์ จำปาอ่อน ผู้ตัดสินวีดิทัศน์ (VAR) ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 4 สัปดาห์ เนื่องจากไม่ใช่ลูกโทษ ซึ่งได้ทำการตรวจสอบภาพเหตุการณ์จากกล้อง VAR แล้ว ยืนยันความเห็นตรงกับผู้ตัดสินในสนาม (Silent Check) โดยไม่ได้แนะนำให้ผู้ตัดสินทำการตรวจสอบเหตุการณ์ด้วยตนเองที่จอภาพข้างสนาม (On-Field Review) 

พิจารณาเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันกีฬาฟุตบอล

3. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพรายการบีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง วันที่ 4 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรการท่าเรือ เอฟซี พบ สโมสรพลังกาญจน์ เอฟซี

- เหตุการณ์
หลังจากที่ผู้ตัดสินได้กลับเข้าห้องพักแล้ว ผู้เล่นทั้งสองทีมต่างเดินไปขอบคุณกองเชียร์ของตนเอง โดยในช่วงเวลาดังกล่าวตามที่ปรากฏคลิปภาพในสื่อออนไลน์ เจ้าหน้าที่ทีมและผู้เล่นสโมสรพลังกาญจน์ เอฟซี กำลังขอบคุณกองเชียร์พลังกาญจน์ เอฟซี บริเวณอัฒจันทร์ทีมเยือน นายประวัติ กิจธรรมกูลนิจ ที่ปรึกษาสโมสรพลังกาญจน์ เอฟซี ได้ถือโทรโข่งเพื่อพูดคุยกับกองเชียร์ของตน โดยจากคลิปได้มีการกล่าวแนะนำโค้ชคนใหม่ และพูดถึงผลการแข่งขัน เมื่อพูดจบได้แสดงท่าทางเป็นภาษากายใส่อารมณ์ในลักษณะจะเปล่งเสียงถ้อยคำหยาบคาย  ดูแล้วสื่อความหมายได้ว่าเป็นการแสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณะ โดยมีเสียงตบมือโห่ร้องจากเจ้าหน้าที่ทีมและกองเชียร์ของตนตามมา

- ผลพิจารณาโทษ
ลงโทษนายประวัติ กิจธรรมกูลนิจ ที่ปรึกษาสโมสรพลังกาญจน์ เอฟซี ด่าด้วยคำหยาบคาย เยาะเย้ย และดูหมิ่นการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ ข้อ 2.6 ถูกพักการทำหน้าที่ 2 นัด และปรับเงิน 30,000 บาท กระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน จึงพิจารณาเพิ่มโทษเป็นถูกพักการทำหน้าที่ 3 นัด และปรับเงิน 45,000 บาท

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 2.6 กรณีด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย ถูกพักการทำหน้าที่ 2 นัด และจะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 40,000 บาท

หากเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ให้พิจารณาเพิ่มโทษแต่ทั้งนี้โทษรวมที่จะได้รับต้องไม่เกินสองเท่า

4. การแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ บีวายดี ซีล ไฟว์ ลีกสอง วันที่ 5 ตุลาคม 2568 คู่ระหว่างสโมสรนครศรี ยูไนเต็ด พบ สโมสรหนองบัว พิชญ เอฟซี

- เหตุการณ์
หลังจากจบการแข่งขัน ทีมงานผู้ตัดสิน ทั้ง 4 คน กำลังเดินเข้าห้องพักผู้ตัดสิน ขณะเดินถึงอุโมงค์ทางเข้ามีกลุ่มกองเชียร์สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด มายืนรออยู่บนอัฒจันทร์ปากทางเข้าอุโมงค์ และโยนขวดน้ำดื่มใส่ทีมงานผู้ตัดสินอย่างแรง จำนวน 2 ขวด แต่ไม่โดนตัวทีมงานผู้ตัดสิน ขวดน้ำได้ตกลงพื้น พร้อมกับด่าด้วยคำหยาบคาย จากนั้นทีมงานผู้ตัดสินรีบเดินเข้าห้องพักอย่างเร็ว  คาดว่าเหตุที่ทำให้กองเชียร์สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด ไม่พอใจ เป็นเพราะมองว่าก่อนที่จะเป็นจุดโทษของสโมสรหนองบัว พิชญ เอฟซี นั้น ผู้เล่นสโมสรหนองบัว พิชญ เอฟซี ทำฟาวล์ผู้เล่นสโมสรนครศรี ยูไนเต็ด ก่อน

- ผลพิจารณาโทษ
1) ลงโทษกองเชียร์สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ ข้อ 4.1 ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท

2) ลงโทษกองเชียร์สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด ขว้างปาขวดน้ำใส่ทีมงานผู้ตัดสิน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ ข้อ 4.4 ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท 

3) ลงโทษสโมสรนครศรี ยูไนเต็ด บกพร่องในการตรวจเช็คไม่ให้กองเชียร์นำขวดน้ำเข้าไปในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ ข้อ 5.3.18 (1) ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท

- ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ
ข้อ 4.1 ด่าบุคคลใด ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแสดงกิริยาก้าวร้าว ข่มขู่ เช่น การเหยียดผิวหรือเชื้อชาติบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ทั้งภาษากาย จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 30,000 บาท 
 
ข้อ 4.4 กองเชียร์ทีมใด หรือกลุ่มบุคคลใด หรือบุคคลใด ขว้างปาหรือกระทำด้วยประการใด ให้วัสดุหรือสิ่งของอื่นใด เข้าไปในสนามก็ดี หรือกระทำต่อนักกีฬาฟุตบอล หรือเจ้าหน้าที่ทีม หรือกองเชียร์ทีมคู่แข่งขัน หรือเจ้าหน้าที่การแข่งขันก็ดี องค์กรสมาชิกต้นสังกัดของกองเชียร์ที่เป็นผู้กระทำ และ/หรือ องค์กรสมาชิกที่เป็นทีมเหย้าที่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าวต้องรับโทษ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 60,000 บาท

ข้อ 5.3.18 ความบกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัยในวันแข่งขัน
(1) บกพร่องในการตรวจเช็คหรือควบคุมไม่ให้กองเชียร์หรือบุคคลใด นำขวดน้ำ พลุ ประทัดดอกไม้ไฟ หรือวัสดุที่สามารถนำไปใช้ในการทำร้ายกันได้ เข้าไปในสถานที่จัดการแข่งขัน หรืออัฒจันทร์ จะถูกปรับเงินตั้งแต่ 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท